MEMAHAMI PEMANASAN GLOBAL

KHAS UNTUK PELAJAR BERBANGSA THAI...

นเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน -- สาเหตุและผลคืออะไร?
ความหมาย 1
ภาวะโลกร้อนเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อน อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นสององศาและอัตราการแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและพื้นที่เฉพาะ ผลการศึกษาพบอาร์กติกอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่เหลือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมักจะเกิดขึ้นภายใน 10,000 ปี แต่ขณะนี้เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศใน 100 ปีเท่านั้นระยะทางเพียง 2 รุ่น
อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นจาก 90 ปีที่ การศึกษาพบว่าสภาพภูมิอากาศร้อนมากในประเทศฝรั่งเศส, อากาศร้อนในภูมิภาคไซบีเรียและการลดสัดส่วนของ"permafrost (ชั้นดินแข็งอย่างถาวรในพื้นที่ที่หนาวที่สุด) โดยเฉพาะในภูมิภาค Artic นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์น้ำแข็งในทะเลอาร์กติกโดยรวมจะถูกละลายในช่วงฤดูร้อน 2099 Cover น้ำแข็งกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกตะวันตกจะละลายระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นประมาณ 7 เมตรในทันที
2 ความหมาย

ปัญหาภาวะโลกร้อนและสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิปกติ นี้ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นแม้ในเวลากลางคืน

เงื่อนไขนี้เกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่ดำเนินการโดยกิจกรรมดังกล่าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการเผาไหม้เปิดการปล่อยยานสำรวจป่าและกิจกรรมพัฒนาผู้อื่น

ข้อผิดพลาดของมนุษย์ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหลายอย่างที่เกิดขึ้น ในหมู่ผู้ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือหิมะละลายในอาร์กติกสูง, ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นและขนาดเนื้อที่หดตัว นอกจากนี้การเกิดภัยธรรมชาติเช่นภัยแล้งน้ำท่วมและไฟป่าและผลกระทบด้านมนุษยธรรม, รวมทั้งการสูญเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

นักวิทยาศาสตร์และภูมิศาสตร์ concurred ว่าภาวะโลกร้อนเป็นสาเหตุสำคัญของการพร่องโอโซนที่เกิดจากการปล่อยก๊าซโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Chlorofluorocarbons (CFCs)
ที่จริงแล้วปัญหาของการเพิ่มอุณหภูมิหรือความร้อนเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยต่างๆ นอกเหนือจากการพร่องโอโซนการเกิดภัยแล้งและหมอกค, กิจกรรมเกาะความร้อน, ฝนกรดและปฏิกิริยาเรือนกระจกยังเป็นกำลังใจให้ปัญหาของภาวะโลกร้อน
แจ้งให้เราทราบว่ากระบวนการทั้งหมดเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้ iniFaktor ภาวะโลกร้อนที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

ระหว่างรัฐบาลเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Panel (IPCC) ก่อตั้งขึ้นในปี 1988 โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกและโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ United Nations (UN) กิจกรรมหลักคือเพื่อตรวจสอบและประเมินข้อมูลทางวิทยาศาสตร์การพัฒนาด้านเทคนิคและทางเศรษฐกิจและสังคมของศิลปะ นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมได้รับการวางไว้ในสถานที่ต่างๆและกลยุทธ์ในการเก็บรวบรวมและการรายงานสภาพอากาศ sistermatik ilkim ทั่วโลก ผลการศึกษานี้เป็นที่น่าแปลกใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับปัจจัยของภาวะโลกร้อนและผลกระทบของระยะสั้นและระยะยาว

•รายงานที่ 1 (1990) และรายงานที่ 2 (1995) สภาพภูมิอากาศ IPCC แสดงมากความไม่แน่นอนและเชิงลบ ภาวะโลกร้อนจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์หรืออารยธรรม
•รายงานที่สาม (2001) ศูนย์เรื่อง"Addressing เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
•รายงานการประเมินสี่ของ (เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2007)
การศึกษาพบว่า 98% ของสาเหตุของภาวะโลกร้อนคือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ได้รับการดำเนินการมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 . การเปลี่ยนแปลงในการใช้ประโยชน์ที่ดินคิดเป็นร้อยละ 30 ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปฏิกิริยาเรือนกระจกมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสภาพภูมิอากาศของโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากไม่อยู่อีกต่อไป
การปล่อยก๊าซคาร์บอน
ผลกระทบของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะไม่เข้าใจมากเพราะเป็นก๊าซที่ไม่มีกลิ่นและไม่ toksik.Konsentrasi ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้เพิ่มขึ้นจากประมาณ 280 ล้านส่วน (ppm) ที่บันทึกในศตวรรษที่ 18 (ก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม) ถึง 379 ppm ใน 2005

2099 โดยอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 700 ppm ถ้าทางปัจจุบันของชีวิตอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้ามดาวเคราะห์อื่น ๆ เช่นดาวอังคารอุณหภูมิประมาณ 400 องศาเซลเซียสและ 90 เปอร์เซ็นต์ของบรรยากาศที่เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เกือบทุกชีวิตบนดาวอังคารและโลกจะไม่เป็นอย่างนั้น

IPCC ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและคนของโลกให้คงที่ระดับของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศระดับที่สามารถจัดการของ 450 ppm ในการขจัดความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศก็จะใช้เวลาระหว่าง 200 หรือ 300 ปี ไม่ว่าการดำเนินการแก้ไขดำเนินการให้กู้น้อยมาก
เริ่มต้นศตวรรษที่ 18 ของประชาชนส่วนใหญ่ของโลกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจากแหล่งหลักของน้ำหรือไม้ โลกมีหลายทางเลือก แต่เราไม่ได้ใช้มันอย่างชาญฉลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม เราก็ขึ้นอยู่กับเชื้อเพลิงฟอสซิล ประเทศกำลังพัฒนาเช่นอินเดียและจีนไม่เห็นด้วยกับการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล 2 พันล้านคนในประเทศอินเดียและจีนใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมากเกินไป


1) จากหมอกควัน

หมอกเกิดขึ้นเนื่องจากมีจำนวนมากของฝุ่นควันและฝุ่นละอองปนเปื้อนอื่น ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศจากกิจกรรมของมนุษย์และธรรมชาติ ปรากฏการณ์นี้อาจจะลดการมองเห็นหมอกควัน นอกจากนี้หมอกควันยังอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์เช่นปัญหาในการหายใจ

2) การพร่องโอโซน

Chlorofluorocarbons (CFCs) เป็นผู้ร่วมให้ข้อมูลที่สำคัญในการพร่องโอโซน CFC ก๊าซที่มีอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆเช่นเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นสเปรย์ ในขณะที่ปล่อยออกสู่บรรยากาศ CFCs, คลอรีนจะทำหน้าที่ร่วมกับโอโซนและออกซิเจนฟรี เป็นผลให้ชั้นโอโซนจะทำให้รังสีอัลตราไวโอเลต nipis.Penipisan จะเข้าถึงโดยตรงกับพื้นผิวและอาจมีผลกระทบต่อมนุษย์เช่นโรคมะเร็งผิวหนังและต้อกระจกตา

3) ผลกระทบกรีนเฮ้าส์

ผลกระทบเรือนกระจกเป็นปรากฎการณ์ของภาวะโลกร้อนที่เกิดจากความร้อนมากโดนขังอยู่ในบรรยากาศและป้องกันการพลิกกลับของความร้อนจากพื้นโลกสู่ชั้นบรรยากาศ ความร้อนจะสะท้อนกลับมาสู่โลกบรรยากาศยังคงมีความร้อนมากขึ้นและแผ่นดินจะกลายเป็นร้อน ผลกระทบเรือนกระจกเกิดขึ้นเนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นของก๊าซเช่นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, ก๊าซไนโตรเจนและก๊าซมีเทนสู่ชั้นบรรยากาศ

4) เกาะความร้อนเมือง

เกาะความร้อนเมืองเป็นปรากฏการณ์ในบรรยากาศที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มอุณหภูมิสูงในเขตเมืองเมื่อเทียบกับรอบพื้นที่ มันเกิดขึ้นเมื่อมีการปล่อยความร้อนในการพัฒนาภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองมากเกินไปและถูกปิดกั้นโดยอาคารสูงของตึกระฟ้า ความร้อนไม่สามารถปล่อยออกสู่บรรยากาศจะ membahangi พื้นที่ ผลก็คือเราอาจได้รับอาการปวดหัว

5 ฝนกรด)

ในเขตอุตสาหกรรมเช่น Petaling Jaya, พืชให้ปิดควันไฟที่มีก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และไนโตรเจนออกไซด์ ปฏิกิริยาของก๊าซที่มีไอน้ำในอากาศนี้ทำให้เกิดกรดซัลฟุริก, กรดไนตริกและอ่อนแอ เมื่อฝนตกก็เป็นที่รู้จักกันเป็นฝนกรด ฝนกรดสามารถทำลายพืชความเสียหายก่อสร้าง, ก่อให้เกิดมลพิษน้ำและคุกคามชีวิตสัตว์น้ำ สุขภาพของมนุษย์ได้รับผลกระทบโดยตรงจากผลของฝนกรด

6) แห้ง
กิจกรรมของมนุษย์ที่ตัดไม้ทำลายป่าอาละวาดช่วยลดพื้นที่ของพืช ดังนั้นการลดความชื้นปล่อยออกมาจากพืชในอากาศ อากาศชื้นจะทำให้ฝนตกน้อยลงและภัยแล้งที่เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อปัจจัยข้างต้นได้นำโดยอ้อมกับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิของโลก ดูกราฟด้านล่างซึ่งจะแสดงอุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วย้ายสูงขึ้นในแต่ละปี
ผลของภาวะโลกร้อนและความร้อนยังส่งผลกระทบต่อระบบสภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศในประเทศทางอ้อม Equatorial กับสภาพภูมิอากาศร้อนและชื้นตลอดทั้งปีไม่ได้ในระดับปกติอีกครั้งเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ

ขอให้เราตระหนักดีว่าตนเองเป็นเพียงแผ่นดินเดียวกันที่เราอาศัยอยู่บนนี้เพียงอย่างเดียว จะไม่มีดาวเคราะห์อื่น ๆ ที่เราสามารถทำให้ส่วนอื่น ๆ ของโลก .. Cherish ของขวัญของพระเจ้าเป็นที่สำคัญที่สุด ขอให้เรา cemarinya อีกครั้ง อย่าปล่อยให้เด็กและลูกหลานของเราที่จะตำหนิเราเพราะความผิดพลาดและความผิดพลาดที่เราได้ทำมาก่อน

หวังว่าหลังจากอ่านบันทึกนี้จะสามารถสอนให้เราทราบว่าแผ่นดินที่สำคัญคือสิ่งมีชีวิตของมนุษย์และอื่น ๆ ของพระเจ้า ....

ISU PEMANASAN GLOBAL – APAKAH PUNCA DAN KESANNYA?
Definisi 1
Pemanasan global berkaitan dengan peningkatan suhu dunia. Suhu bumi telah meningkat dua darjah dan kadarnya berbeza mengikut benua dan kawasan tertentu. Kajian mendapati kawasan Artik lebih pantas menjadi panas berbanding kawasan lain. Perubahan iklim biasanya berlaku dalam tempoh 10,000 tahun tetapi kini perubahan iklim berubah dalam tempoh 100 tahun sahaja, jarak hanya 2 generasi sahaja.
Suhu bumi meningkat sejak tahun-tahun 90an. Kajian mendapati iklim panas melampau di Perancis, iklim lebih panas di rantau Siberia dan pencairan "permafrost" (lapisan tanah yang kekal beku di rantau paling sejuk) terutamanya di rantau Artik. Ahli sains meramalkan keseluruhan ais laut di Artik akan cair pada musim panas 2099. Litupan ais Greenland dan Antartika Barat akan mencair . Paras laut akan meningkat kira-kira 7 meter secara mendadak.
Definisi 2.

Pemanasan global ialah keadaan alam sekitar yang mengalami peningkatan suhu yang tinggi berbanding dengan suhu normal. Hal ini menyebabkan kita terasa panas walau pun pada waktu malam.

Keadaan ini berlaku disebabkan oleh aktiviti yang dilakukan oleh manusia seperti penebangan hutan, aktiviti perindustrian, pembakaran terbuka, pelepasan asap kenderaan, penerokaan hutan untuk aktiviti pembangunan dan lain-lain.

Kesilapan manusia terhadap alam sekitar menyebabkan banyak kesan negAtif yang telah berlaku. Antara yang paling ketara ialah tahap pencairan salji di Kutub Utara semakin tinggi, paras air laut meningkat dan keluasan saiz daratan semakin mengecil. Selain itu, berlakunya kejadian bencana alam seperti kemarau, banjir dan kebakaran manakala kesan kemanusiaan termasuklah kehilangan nyawa dan kecederaan.

Ahli-ahli sains dan geografi sependapat mengatakan punca utama pemanasan global ialah penipisan lapisan ozon akibat pelepasan gas khususnya klorofluorokarbon (CFC).
Sebenarnya, isu peningkatan suhu atau pemanasan terjadi disebabkan pelbagai faktor. Selain daripada penipisan ozon, kejadian kemarau dan jerebu, kejadian pulau haba, hujan asid dan kesan rumah hijau juga memberi galakan kepada isu pemanasan global.
Mari kita mengenal bagaimana setiap proses ini berlaku sehingga menyebabkan berlakunya pemanasan global iniFaktor pemanasan global.

Panel Antara Kerajaan tentang Perubahan Cuaca (IPCC) ditubuhkan pada 1988 oleh Pertubuhan Meteorologi Sedunia serta Program Alam Sekitar Pertubuhan Bangsa-Bangsa Bersatu (PBB). Kegiatan terasnya adalah menyemak dan menilai maklumat saintifik, teknikal dan sosio-ekonomi yang terkini. Saintis alam sekitar telah ditempatkan dipelbagai lokasi strategik dan mengumpulkan laporan ilkim dan cuaca seluruh dunia secara sistermatik. Dapatan daripada kajian ini amat memeranjatkan terutama berhubung tentang faktor pemanasan global dan kesan jangka pendek dan panjang daripadanya.

• Laporan 1 (1990) dan Laporan 2 (1995) IPCC menunjukkan banyak ketidakpastian iklim dunia dan bersifat negatif . Pemanasan global ini akan menjejaskan manusia atau tamadunnya.
• Laporan ketiga (2001) berkisar kepada "Menangani Perubahan Iklim.
• Laporan Penilaian Keempat tentang (Perubahan Iklim 2007) .
Kajian mendapati 98 % punca pemanasan global ialah pelepasan karbon dioksida akibat pembakaran bahan bakar fosil yang telah dilakukan sejak abad ke-18. . Perubahan penggunaan tanah menyumbang 30 peratus pelepasan karbon dioksida. Kesan rumah hijau lebih hebat dan iklim dunia akan berubah secara mendadak, tanpa dapat dibendung lagi.
Pelepasan karbon dioksida.
Impak pelepasan karbon dioksida tidak difahami ramai kerana gas tersebut tidak berbau dan bukan toksik.Konsentrasi karbon dioksida di atmosfera telah meningkat daripada kira-kira 280 bahagian sejuta (ppm) dicatat di kurun ke-18 (sebelum era revolusi perindustrian) kepada 379 ppm pada tahun 2005.

Menjelang 2099 kadarnya meningkat kepada 700 ppm jika cara hidup sekarang berterusan. Secara bandingan , planet lain seperti Marikh, suhunya kira-kira 400 darjah celcius dan 90 peratus daripada atmosferanya adalah karbon dioksida. Hampir tiada kehidupan di Marikh dan bumi akan menjadi seperti itu.

IPCC mendesak seluruh kerajaan dan penduduk dunia menstabilkan tahap karbon dioksida di atmosfera kepada paras yang boleh diuruskan iaitu 450 ppm. Bagi menghapuskan kepekatan karbon dioksida di dalam atmosfera, ia mengambil masa antara 200 atau 300 tahun . Walau apapun tindakan pemulihan dilakukan , untuk kembali pulih amat sedikit.
Mulai abad ke-18 majoriti warga dunia menggunakan bahan bakar fosil daripada sumber asas air atau kayu . Dunia ada banyak alternatif tetapi kita tidak menggunakannya secara bijak , berkesan dan menyeluruh. Kita terlalu bergantung kepada bahan bakar fosil. Negara membangun seperti India dan China tidak setuju dengan pengurangan pengggunaan bahan bakar fosil. 2 bilion penduduk di India dan China menggunakan bahan bakar fosil secara keterlaluan.


1) JEREBU

Jerebu berlaku disebabkan terdapat banyak debu, asap, habuk dan bahan-bahan pencemar lain yang terapung-apung di udara akibat aktiviti manusia dan secara semulajadi. Fenomena jerebu ini boleh mengurangkan jarak penglihatan. Selain itu, jerebu juga boleh menjejaskan kesihatan manusia, misalnya kesukaran untuk bernafas.

2) PENIPISAN LAPISAN OZON

Klorofluorokarbon (CFC) merupakan penyumbang utama kepada penipisan lapisan ozon. Gas CFC terkandung dalam alat-alat seperti penyaman udara, aerosol dan peti sejuk. Semasa CFC dibebaskan di atmosfera, klorin akan bertindak dengan ozon dan membebaskan oksigen. Akibatnya, lapisan ozon semakin nipis.Penipisan lapisan ini akan menyebabkan sinaran ultraungu sampai terus ke permukaan bumi dan boleh memberi kesan negatif kepada manusia seperti penyakit kanser kulit dan katarak mata.

3) KESAN RUMAH HIJAU

Kesan rumah hijau adalah fenomena pemanasan bumi akibat banyak haba terperangkap dalam lapisan atmosfera dan menghalang pembalikan semula bahang dari bumi ke atmosfera. Haba dipantulkan semula ke bumi, atmosfera menyimpan lebih banyak haba dan bumi menjadi semakin panas. Kesan rumah hijau terjadi kerana berlakunya peningkatan pelepasan gas seperti karbon dioksida, nitrogen monoksida dan metana ke atmosfera.

4) PULAU HABA BANDAR

Pulau haba bandar merupakan fenomena atmosfera yang berkaitan dengan peningkatan suhu yang tinggi di dalam kawasan bandar berbanding kawasan sekitarnya. Ia berlaku apabila pelepasan haba di kawasan membangun khususnya di bandar-bandar terlalu banyak dan tersekat oleh bangunan-bangunan tinggi pencakar langit. Haba yang tidak dapat dilepaskan ke atmosfera itu akan membahangi kawasan sekitar. Akibatnya kita boleh mendapat sakit kepala.

5) HUJAN ASID

Di kawasan perindustrian seperti Petaling Jaya, kilang membebaskan asap yang mengandungi gas sulfur dioksida dan nitrogen oksida. Tindak balas gas ini dengan wap air dalam udara membentuk asid nitrik dan asid sulfurik lemah. Apabila hujan, ia dikenali sebagai hujan asid. Hujan asid boleh memusnahkan tumbuh tumbuhan, merosakkan binaan, mencemarkan air dan mengancam hidupan air. Kesihatan manusia terjejas akibat kesan secara langsung hujan asid.

6) KEMARAU
Kegiatan manusia menebang hutan secara berleluasa akan mengurangkan kawasan tumbuh-tumbuhan. Kesannya, semakin kurang kelembapan dilepaskan oleh tumbuh-tumbuhan ke udara. Udara yang kurang lembap tidak akan membawa hujan dan kemarau pun berlaku.
Apabila berlakunya faktor-faktor di atas secara tidak langsung telah menyebabkan berlakunya peningkatan suhu kepada bumi. Cuba lihat graf di bawah ini yang menunjukkan suhu bumi yang semakin meingkat dengan cepat dari tahun ke tahun
Kesan dan bahang pemanasan global juga telah mengganggu sistem cuaca dan iklim di negara kita secara tidak langsung. Iklim Khatulistiwa dengan panas dan lembap sepanjang tahun telah tidak berada pada paras yang normal lagi akibat berlakunya peningkatan suhu ini.

Marilah kita sama-sama menginsafi diri kerana hanya bumi ini sajalah tempat tinggal kita. Tiada lagi planet lain yang boleh kita jadikan ganti selain bumi.. Hargailah pemberian Allah yang paling bermakna ini. Janganlah kita cemarinya lagi. Jangan sampai anak cucu kita menyalahkan kita disebabkan kesilapan dan kesalahan yang telah kita lakukan sebelum ini.

Mudah-mudahan selepas membaca NOTA ini akan dapat menyedarkan kita betapa pentingnya bumi ini kepada manusia dan makhluk Allah yang lain….